โครงร่างคำเทศนา วันอาทิตย์ที่ 10 มกราคม 2016
พระธรรม กิจการ 17:22-31
หัวเรื่อง พระเจ้าที่เราเชื่อเป็นผู้ใด
คำนำ จากเป้าหมายของคริสตจักรในปี 2016 ซึ่งผู้นำได้แจ้งแก่เราสัปดาห์ที่ผ่านมา “รู้จักผู้ที่เราเชื่อ ประกาศผู้ที่เราเชื่อ ดำเนินชีวิตตามที่เราเชื่อ” ดังนั้นวันนี้เรามาใคร่ครวญด้วยกันว่า พระเจ้าที่เราเชื่อเป็นผู้ใด ... จากพระธรรม กิจการ 17:22-31
บทนำ
เมื่อเปาโลไปกรุงเอเธนส์ ท่านได้พบแท่นที่เขียนไว้ว่า แด่พระเจ้าที่ไม่รู้จัก ท่านจึงใช้เรื่องนี้ในการประกาศให้ชาวเอเธนส์ได้รู้จักพรเจ้าที่แท้จริง แม้ชาวเอเธนส์จะนมัสการพระเจ้ามากมายก็ตาม แต่เขายังเชื่อว่ายังมีพระเจ้าที่ยิ่งใหญ่กว่านี้อีกแต่พวกเขาไม่รู้ว่า พระเจ้าองค์นั้นเป็นผู้ใด แล้วเราละสามารถบอกได้หรือไม่ว่า พระเจ้าที่เราเชื่อนี้เป็นผู้ใด พระวจนะของพระเจ้าในตอนนี้ได้บอกกับเราอย่างชัดเจนดังนี้ว่า ...
- 1. เป็นผู้สร้างฟ้าสวรรค์ โลก และสรรพสิ่งที่อยู่ในนั้น (24)
“พระเจ้าผู้ทรงสร้างโลกกับสิ่งทั้งปวงที่มีอยู่ในนั้น”
1.1. พระคริสตธรรมคัมภีร์ย้ำตลอดว่า พระเจ้าคือผู้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และโลกและสรรพสิ่งทั้งปวง
1.2. ขณะที่วิทยาศาสตร์บอกว่า เกิดบิ๊กแบงครั้งใหญ่ แล้วเป็นกระบวนการวิวัฒน์นาการ
1.3. ตัวอย่างต่างที่มาจากการสร้าขอมนุษย์ เช่น .........................ไม่ใช่วิวัฒนาการ
1.4. ตัวอย่างจากสงครามโลก สิ่งที่เกิดขึ้นคือความเสียหาย ไม่ใช่สิ่งที่เป็นระบบระเบียบ
- เป็นผู้ครอบครองสวรรค์และโลก (24ข)
“พระองค์ทรงเป็นเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก”
2.1. พระบุตรทรงเป็นแสงสะท้อนพระสิริของพระเจ้า และทรงมีสภาวะเป็นพิมพ์เดียวกันกับพระองค์ และทรงผดุงโลกไว้ด้วยพระดำรัสอันทรงฤทธิ์ของพระองค์ เมื่อพระองค์ได้ทรงชำระบาปแล้ว ก็ได้ประทับ ณ เบื้องขวาของพระเจ้าเบื้องบน ฮบ 1.3
2.2. พระเจ้าทรงครอบครอง พระองค์ทรงสวมความยิ่งใหญ่ พระเจ้าทรงสวมฉลองพระองค์พระองค์ ทรงเอาพระกำลังคาดพระองค์ โลกได้สถาปนาไว้แล้ว มันจะไม่หวั่นไหว สดุดี 93:1
2.3. ดังนั้นจักรวาลจึงอยู่อย่างเป็นระบบมาจนถึงทุกวันนี้ เพราะพระเจ้าทรงครอบครองอยู่ แม้เราจะได้ยินว่าดาวตก อุกาบาตร นั่นเป็นเพราะว่าสรรพสิ่งที่สร้างมีอายุของมัน เช่นดวงอาทิตย์ นักวิทยาศาสตร์บอกว่ามีอายุประมาณ 10,000 ล้านปี ผ่านไปแล้วครึ่งหนึ่งเหลืออีกครึ่ง ดวงอาทิตย์จะดับแสง จะกลายเป็นดาวเคราะห์ธรรมดาเท่านั้น วว 21.1
- เป็นผู้ยิ่งใหญ่ไม่มีขีดจำกัด (24 ค)
“มิได้ทรงสถิตในปูชนียสถานซึ่งมือมนุษย์ได้กระทำไว้”
3.1. พระเจ้าทรงเป็นพระวิญญาณ ยน4.23-24 ทรงสถิตทุกหนแห่ง ทรงสัพพัญญู ไม่ถูกจำกัดด้วยสถานที่และเวลา
3.2. พระเจ้าทรงพระชนม์อยู่ด้วยพระอค์เอง (อยพ 3:14)
3.3. ตัวอย่างเมื่อซาโลมอนสร้างพระวิหาร 1พกษ 8.27
- เป็นผู้มีชีวิตและเป็นแหล่งแห่งชีวิต (25 ก) (อยพ 3:14)
“เพราะพระองค์ทรงเป็นผู้ประทานชีวิตและลมหายใจ”
4.1. ชีวิตย่อมเกิดมาจากชีวิต ลมหายใจ แปลได้อีกอย่างคือวิญญาณ หรือพระวิญญาณ
4.2. นักชีววิทยากล่าว่า ชีวิตเกิดมาจากเซลล์ และวิวัฒนาการเป็นสิ่งมีชีวิตต่างๆ (ไม่มีวิญญาณ) และทำไมคนกลัวผี? 555
4.3. พระคัมภีร์กล่าวว่า พระเจ้าเป็นแหล่งกำเนิดของทุกๆ ชีวิต ยน 1.4
- เป็นผู้ประทานปัจจัยที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต (25 ข)
“และสิ่งสารพัดแก่คนทั้งปวงต่างหาก”
5.1. พระองค์มิจำต้องให้มือมนุษย์มาปรนนิบัติ ดังว่ามีความต้องการสิ่งหนึ่งสิ่งใด
5.2. พระที่เรียกร้องจากมนุษย์ไม่ใช่พระเจ้า
5.3. ตัวอย่าง ต้องทอย่างนั้น อย่างนี้แล้วชีวิตจะดี ปลอดภัย แต่ถ้าไม่ทำจะมีอันเป็นไป
- เป็นผู้สร้างมนุษย์ให้สืบสายโลหิตเดียวกัน (26)
“พระองค์ได้ทรงสร้างมนุษย์ทุกชาติ สืบสายโลหิตอันเดียวกันให้อยู่ทั่วพิภพโลก และได้ทรงกำหนดเวลาและเขตแดนให้เขาอยู่ 27เพื่อเขาจะได้แสวงหาพระเจ้าและมุ่งหวังจะคลำหาให้พบพระองค์”
6.1. หลักฐานจากพระคัมภีร์ที่แสดงว่ามนุษย์ทุกชาติมาจากบุคคลเดียวกัน คือ ปฐก 1, 11
6.2. หลักฐานทาง DNA ยืนยันว่าผู้ชายทั่วโลกสืบมาจากชายคนเดียว ผู้หญิงทุกคนทั่วโลกสืบมาจากหญิงคนเดียว และยืนยันได้ว่าผู้หญิงเกิดมาจากผู้ชาย
6.3. ตัวอย่างคนโบราณแต่งานแล้วอยากได้ลูกชาย แต่ได้ลูกสาวก็โทษภรรยา จึงหาภรรยาน้อย
- เป็นผู้ที่สถิตอยู่กับเรา/ท่ามกลางเรา (27)
“ที่จริงพระองค์มิทรงอยู่ห่างไกลจากเราทุกคนเลย”
7.1. พระนามขอพระเจ้า “อิมมานูเอล” แปลว่า พระเจ้าทรอยู่กับเรา
7.2. วิธีการคือ มุมก้างคือ พระเจ้าทรงอยู่ท่ามกลาเราเคลื่อนไหวท่ามกลางเรา มุมแคบคือ พระเจ้าทรงประทับในชีวิตของเราโดยทางพระวิญญาณบริสุทธิ์ เมื่อเรากลับใจเชื่อจริงๆ 1 คร 6.19
7.3. ดังนั้น คริสเตียนไม่กราบไหว้รูปเคารพ เพราะพระเจ้าองค์นี้อยู่ในชีวิตของเรา เราสามัคคีธรรมกับพระองค์โดยการ นมัสการ อธิษฐานและอ่านพระคัมภีร์
- เป็นผู้ที่กอปรด้วยความรักและเมตตา (30)
“ในเวลาเมื่อมนุษย์ยังไร้เดียงสา พระเจ้ามิได้ทรงถือโทษ”
8.1. พระเจ้าทรงรักมนุษย์จนถึงที่สุด เพราะพระเจ้าเป็นความรัก
8.2. แม้มนุษย์จะทำบาปและเสื่อมจากพระสิริของพระเจ้า โรม 3.23
8.3. แต่พระองค์ให้โอกาสมนุษย์เสมอที่จะกลับมาหาพระองค์และรับการอภัยโทษ
- เป็นผู้ช่วยกู้โลกให้รอด (31)
“พระเจ้าได้ตรัสสั่งแก่มนุษย์ทั้งปวงทั่วทุกแห่งให้กลับใจใหม่ 31เพราะพระองค์ได้ทรงกำหนดวันหนึ่งไว้ ในวันนั้นพระองค์จะทรงพิพากษาโลกตามความชอบธรรม โดยมนุษย์ผู้นั้นซึ่งพระองค์ได้ทรงเลือกไว้ และพระเจ้าได้ทรงโปรดให้คนทั้งปวงมีความแน่ใจในเรื่องนี้ โดยทรงให้มนุษย์ผู้นั้นคืนชีวิต”
9.1. ทรงจัดเตรียมแผนการแห่งความรอดไว้ก่อนที่จะทรงสร้างโลก อฟ 1.4-6
9.2. ทรงให้พระเยซูคริสต์มาเกิดเป็นมนุษย์เพื่อตายไถ่บาป รม 5.8
9.3. ผู้ที่เชื่อในพระบุตรของพระเจ้าจะมีชีวิตนิรันดร์ ยน 3.16-17
10. เป็นผู้พิพากษาโลกในวาระสุดท้าย (31)
31เพราะพระองค์ได้ทรงกำหนดวันหนึ่งไว้ ในวันนั้นพระองค์จะทรงพิพากษาโลกตามความชอบธรรม”
10.1. ในวาระสดุดท้ายของโลก จะมีการพิพากษา ฮีบรู 9:27: มีข้อกำหนดสำหรับมนุษย์ไว้แล้วว่าจะตายครั้งเดียว และหลังจากนั้นก็จะมีการพิพากษาฉันใด
10.2. หลักของการพิพากษาคือ ยน 3.18-19
สรูป
พระเจ้าที่เราเชื่อ จึงไม่ใช่ ทอง เงิน หิน หรืออื่นๆ อันเป็นปฏิมากรสำเร็จด้วยศิลปะและความคิดของมนุษย์ พระเจ้าที่เราเชื่อไม่ได้สถิตในปูชนียสถานที่มนุษย์สร้างไว้ พระองค์ไม่ได้ต้องการให้มือของมนุษย์มาปรนนิบัติ พระองค์ไม่ได้ต้องการสิ่งใด เพราะพระองค์เป็นผู้ที่ประทานสิ่งสารพัดแก่เราต่างหาก
ดังนั้น จงแสวงหาให้พบพระเจ้าองค์นี้ และประกาศถึงพระเจ้าที่เราเชื่อนี้ให้คนมากมายได้ฟัง และจงดำเนินชีวิตในน้ำพระทัยของพระองค์ สำหรับผู้ที่ยังไม่เชื่อ พระองค์ตรัสว่า.... จงกลับใจเสียใหม่ ....