โครงร่างคำเทศนาวันอาทิตย์ที่ 12 พฤษภาคม 2013
(โดย ศจ. เอนกชัย พรมสวัสดิ์)
ข้อพระธรรม กิจการ 1:3
ครั้นพระองค์ทรงทนทุกข์ทรมานแล้ว ได้ทรงแสดงพระองค์แก่คนพวกนั้นด้วยหลักฐานหลายอย่าง พิสูจน์ว่าพระองค์ทรงพระชนม์อยู่ และได้ทรงปรากฏแก่เขาทั้งหลายระหว่างสี่สิบวัน และได้ทรงสนทนากับเขาถึงเรื่องแผ่นดินของพระเจ้า
หัวเรื่อง จงสนทนากับคนอื่นถึงเรื่องแผ่นดินของพระเจ้า
ตอนที่ 2 “ความสำคัญของการสนทนาเรื่องแผ่นดินของพระเจ้า”
ความเดิมตอนที่ผ่านมา
ในตอนที่แล้วกล่าวถึงความหมายของแผ่นดินของพระเจ้า 4 ด้านคือ
- คำต่างกันแต่ความหมายและเป้าหมายเดียวกัน “แผ่นดินสวรรค์ และแผ่นดินของพระเจ้า”
- รากศัพท์ ทั้งพระคัมภีร์เดิมและใหม่ ให้ความหมายเดียวกันคือ อำนาจการปกครองของพระเจ้า
- ความล้ำลึกแห่งแผ่นดินของพระเจ้าในปัจจุบันและอนาคต ปัจจุบันคนเข้าแผ่นดินของพระเจ้าโดยความเชื่อ แต่อนาคตพระเจ้าจะทรงตั้งแผ่นดินของพระองค์ขึ้นด้วยฤทธานุภาพของพระองค์
- ความหมายที่อธิบายในพระคัมภีร์ มนุษย์เป็นคนบาป ตกเป็นทางของมารร้าย พระเยซูมานำเอาแผ่นดินของพระเจ้าเข้ามาในโลก คนได้เข้าแผ่นดินของพระเจ้าโดยการบังเกิดใหม่ และอนาคตจะได้อยู่ในแผ่นดินสวรรค์ตลอดไปเป็นนิตย์
คำถาม ทำไมเราจึงต้องสนทนากับคนอื่นถึงเรื่องแผ่นดินของพระเจ้า โดยจะพิจารณาอยู่ 3 ด้านที่สำคัญ
- 1. พิจารณาจากพระราชกิจของพระเยซูคริสต์
1.1. เพราะเป็นประเด็นหลักที่สนทนากับสาวกก่อนเสด็จสู่สวรรค์ กจ 1:3
ครั้นพระองค์ทรงทนทุกข์ทรมานแล้ว ได้ทรงแสดงพระองค์แก่คนพวกนั้นด้วยหลักฐานหลายอย่าง พิสูจน์ว่าพระองค์ทรงพระชนม์อยู่ และได้ทรงปรากฏแก่เขาทั้งหลายระหว่างสี่สิบวัน และได้ทรงสนทนากับเขาถึงเรื่องแผ่นดินของพระเจ้า
หากจะพิจารณาตลอด 40 วันหลังจากการคืนพระชนม์ และก่อนที่จะทรงเสด็จสู่สวรรค์ แน่นอนว่ามีหลายเรื่องที่พระองค์ทรงกระทำ แต่ประเด็นหนึ่งก็คือ การสนทนากับสาวกถึงเรื่องแผ่นดินของพระเจ้า
1.1.1. การปกครองดูและประชาการแห่งแผ่นดินของพระเจ้า (ยน 21:15-19)
15เมื่อรับประทานอาหารเสร็จแล้ว พระเยซูตรัสกับซีโมนเปโตรว่า “ซีโมนบุตรยอห์นเอ๋ย เจ้ารักเรามากกว่าเหล่านี้หรือ” เขาทูลพระองค์ว่า “เป็นความจริงพระเจ้าข้า พระองค์ทรงทราบว่าข้าพระองค์รักพระองค์” พระองค์ตรัสสั่งเขาว่า “จงเลี้ยงลูกแกะของเราเถิด”
1.1.2. การประกาศสั่งสอนชนทุกชาติ การเป็นพยานจนสุดปลายแผ่นดินโลก เพื่อขายอาณาเขตการปกครองของพระเจ้า หรือขยายแผ่นดินของพระเจ้าออกไป
มธ 28.19 เหตุฉะนั้นเจ้าทั้งหลายจงออกไปสั่งสอนชนทุกชาติ ให้เป็นสาวกของเรา ให้รับบัพติศมาในพระนามแห่งพระบิดา พระบุตรและพระวิญญาณบริสุทธิ์
กจ 1:8 แต่ท่านทั้งหลายจะได้รับพระราชทานฤทธิ์เดช เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์จะเสด็จมาเหนือท่าน และท่านทั้งหลายจะเป็นพยานฝ่ายเราในกรุงเยรูซาเล็ม ทั่วแคว้นยูเดีย แคว้นสะมาเรีย และจนถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลก”
1.2. เพราะเป็นเป้าหมายหลักในการทำพระราชกิจในโลกนี้ของพระเยซูคริสต์
มธ 4:23 พระเยซูได้เสด็จไปทั่วแคว้นกาลิลี ทรงสั่งสอนในธรรมศาลาของเขา ทรงประกาศข่าวประเสริฐเรื่องแผ่นดินของพระเจ้า และทรงรักษาโรคภัยไข้เจ็บของชาวเมืองให้หาย
มธ 12:28 แต่ถ้าเราขับผีออกด้วยพระวิญญาณของพระเจ้า แผ่นดินของพระเจ้าก็มาถึงท่านแล้ว
1.2.1. ทรงประกาศข่าวประเสริฐ / เทศนาสั่งสอน ว่าด้วย เรื่องแผ่นดินของพระเจ้า
1.2.2. ทรงสำแดงอำนาจการปกครองแห่งแผ่นดินของพระเจ้า โดยการขับผี รักษาโรค ทรงห้ามพายุ
1.3. เพราะเป็นคำสัญญาเดียวที่ยังรอเวลาสำเร็จ (มธ 26:29)
29เราบอกท่านทั้งหลายว่า เราจะไม่ดื่มน้ำผลแห่งเถาองุ่นต่อไปอีกจนวันนั้นมาถึง คือวันที่เราจะดื่มกันใหม่กับพวกท่านในแผ่นดินแห่งพระบิดาของเรา”
การเสด็จกลับมาครั้งที่ 2 เพื่อรับผู้เชื่อไปอยู่กับพระองค์ในแผ่นดินสวรรค์ ซึ่งเรียกว่างานเลี้ยงมงคลสมรสของพระเมษโปดก (วว 19:6-11) ผู้เชื่อจะได้อยู่ในเมืองสวรรค์ตลอดไปเป็นนิตย์
- 2. พิจารณาจากการสอนของพระเยซูคริสต์
2.1. เพราะเป็นหัวข้ออธิษฐานอันดับต้นที่พระเยซูทรงสอนให้อธิษฐาน (มธ 6:10) จากคำอธิษฐานนี้แยกรายละเอียดเป็นหัวข้อดังนี้
2.1.1. ขอให้พระนามของพระองค์เป็นที่เคารพสักการะ
2.1.2. ขอให้แผ่นดินของพระองค์มาตั้งอยู่
2.1.3. ขอให้เป็นไปตามพระทัยของพระองค์ ในสวรรค์เป็นอย่างไร ก็ให้เป็นอย่างนั้นในแผ่นดินโลก
(แล้วหลังจากนั้นจึงอธิษฐานเผื่อความต้องการของคนเองและคนอื่น) พระเยซูให้ความสำคัญกับการที่คนจะรับเอาแผ่นดินของพระเจ้าเข้ามาในชีวิตของเขา และต้องเป็นหัวข้อหลักในการอธิษฐานทุกครั้งของผู้เชื่อ ด้วยความปารถนา เห็นคนอื่นได้รับความรอด
2.2. เพราะเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตมนุษย์ (มธ 6:33)
33แต่ท่านทั้งหลายจงแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้า และความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่งทั้งปวงเหล่านี้ให้
2.2.1. สำหรับมนุษย์อะไรสำคัญที่สุดในชีวิต (ปัจจัยในการดำรงชีวิต คือ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย และยารักษาโรค) นี่คือสำหรับชีวิตในโลกนี้เท่านั้น แต่ชีวิตไม่ได้จบลงที่โลกนี้ ชีวิตหลังความตายจะเป็นอย่างไร
2.2.2. แต่พระเยซูสอนว่าชีวิตสำคัญที่สุด ไม่ใช่เพื่ออยู่รอด มีความสุข แต่เพื่อชีวิตจะได้อยู่ในแผ่นดินของพระเจ้า เพราะถ้าเราได้แผ่นดินของพระเจ้า สิ่งอื่นๆ พระเจ้าจะทรงนำและจัดเตรียมเพื่อลูกๆ ของพระองค์ กษัตริย์แห่งแผ่นดินสวรรค์จะไม่ปล่อยให้ประชากรของพระองค์ขัดสน (ดังเช่นนัยหลวงทรงห่วงใยประชากรของพระองค์)
- 3. พิจารณาจากชีวิตศาสนาของมนุษย์
3.1. คนทั่วไป ทุกศาสนาทั่วโลก เป้าหมายสูงสุดคือการได้ไปอยู่สวรรค์ ที่ๆ ดีที่สุด
ตามความเชื่อในพราหมณ์ (พุธศาสนา) สอนว่า สวรรค์มีทั้งหมด 26 ชั้น 6 ชั้นแรกเป็นสวรรค์ที่อยู่ของเทวดา (มนุษย์ทำดีเพื่อจะได้ขึ้นสวรรค์ไปเป็นเทวดา) อีก 20 ชั้นเป็นที่อยู่ของพรหมต่าง ซึ่งมีหลายระดับชั้น ชั้นยิ่งสูงยิ่งมีฤทธิ์มากตามลำดับ ชีวิตศาสนาของมนุษย์ มีเป้าหมายสูงสุดที่การได้ไปอยู่แผ่นดินสวรรค์ แต่คำสอนเรื่องแผ่นดินสวรรค์แตกต่างจากศาสนาคริสต์ หรือที่พระเยซูทรงสอน
3.2. คริสเตียน (ศาสนาคริสต์)
3.2.1. เป็นการช่วยคนให้หลุดพ้นจากการเป็นทาสของมารร้าย (แผ่นดินของพระเจ้ามาตั้งอยู่) พระเยซูทรงเข้ามาในโลกนี้ก็เพื่อที่จะประกาศข่าวประเสริฐเรื่องแผ่นดินของพระเจ้า เพื่อปลดปล่อยมนุษย์จากการเป็นทาสของบาปและมารซตาน ทรงตั้งไว้ให้เป็นปุโรหิตและอาณาจักรของพระเจ้า
(วว 1:5-6) 5และจากพระเยซูคริสต์ผู้ทรงเป็นพยานที่ซื่อสัตย์ และทรงเป็นผู้แรกที่ได้ฟื้นจากความตาย และผู้ทรงครอบครองกษัตริย์ทั้งปวงในโลก แด่พระองค์ผู้ทรงรักเราทั้งหลาย และได้ทรงปลดเปลื้องบาปของเราด้วยพระโลหิตของพระองค์ 6และทรงตั้งเราไว้ ให้เป็นอาณาจักรและเป็นปุโรหิตของพระเจ้าพระบิดาของพระองค์ พระเกียรติและไอศวรรย์จงมีแด่พระองค์สืบๆไปเป็นนิตย์ อาเมน
ดังนั้นถ้าเราไม่สนทนา หรือประกาศข่าวประเสริฐเรื่องแผ่นดินของพระเจ้า แล้วคนมากมายจะได้รับความรอดได้อย่างไร
3.2.2. เป็นความหวังใจในการดำรงชีวิตคริสเตียน และเป็นเป้าหมายสูงสุดในความเชื่อของคริสเตียน
(1 ทส 4:16-17) 16ด้วยว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าจะเสด็จมาจากสวรรค์ด้วยพระดำรัสสั่ง ด้วยสำเนียงเรียกของเทพบดีและด้วยเสียงแตรของพระเจ้า และคนทั้งปวงในพระคริสต์ที่ตายแล้วจะเป็นขึ้นมาก่อน 17หลังจากนั้นเราทั้งหลายซึ่งยังเป็นอยู่ จะถูกรับขึ้นไปในเมฆพร้อมกับคนเหล่านั้น และจะได้พบองค์พระผู้เป็นเจ้าในฟ้าอากาศ อย่างนั้นแหละ เราก็จะอยู่กับองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นนิตย์
3.2.3. การสนทนาเรื่องแผ่นดินของพระเจ้าสามารถเสริมสร้างซึ่งกันและกันให้เติบโตมั่นคงในความเชื่อ (1 ทส 4:18)
18เหตุฉะนั้นจงปลอบใจกันด้วยถ้อยคำเหล่านี้เถิด
โปรดติดตามตอนต่อไป ........................................................................
แก้ไขล่าสุด (วันจันทร์ที่ 14 มกราคม 2019 เวลา 07:16 น.)