โดย... อ.เอนกชัย พรมสวัสดิ์
ข้อพระธรรม สดุดี 1.1-6
หัวเรื่อง : ผู้ชอบธรรมของพระเจ้า
ประโยคสรุป
พระเจ้าทรงพระกรุณาเราให้เป็นผู้ชอบธรรมโดยไม่คิดมูลค่า โดยที่พระเยซูคริสต์ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อไถ่บาปของเราทั้งหลาย ทำให้รอดพ้นจากการพิพากษาของพระเจ้าและทรงนับว่าเป็นผู้ชอบธรรม
คำถาม เราจะต้องดำเนินชีวิตอย่างไรในฐานะผู้ชอบธรรม
สวัสดีครับท่านผู้ชอบธรรมของพระเจ้า
ขอพระคุณความรักของพระเจ้าดำรงอยู่ท่ามกลางผู้ชอบธรรมของพระองค์ในวันนี้และตลอดไป
สดุดี 1. 1-3
สร้างสรรค์วามต้องการ
มนุษย์เราตกอยู่ภายใต้การครองครองของซาน และทำผิดพลาดมากมาย และค่าจ้องของความบาปคือความตาย ผู้ที่ทำผิดต้องถูกพิพากษาโทษ ซาตานเป็นผู้ที่ฟ้องเราต่อพระพักตร์พระเจ้า หลักของการพิพากษานั้นผู้ที่ทำผิดจะต้องถูกปรับโทษ มนุษย์ที่เต็มไปด้วยความบาปผิดจะหลีกหนีการพิพากษาหรือพระอาชญาไม่ได้เลย หมายความว่า คนบาปทุกคนจะต้องถูกพิพากษาโทษ แล้วเราจำทำอย่างไร มนุษย์เราต้องพินาศกันหมดสิ้นหรือ แต่หาเป็นเช่นนั้นไม่
ประโยคสรุป
พระเจ้าทรงพระกรุณาเราให้เป็นผู้ชอบธรรมโดยไม่คิดมูลค่า โดยที่พระเยซูคริสต์ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อไถ่บาปของเราทั้งหลาย ทำให้ร้อดพ้นจากการพิพากษาของพระเจ้าและทรงนับว่าเป็นคนชอบธรรม
คำถาม
เมื่อเราได้เป็นคนชอบธรรมของพระเจ้า เราจะต้องดำเนินชีวิตอย่างไรให้สมกับความเมตตากรุณาของพระเจ้า
ประโยคเชื่อมโยง
สดุดี 1.1-3 ได้ชี้ให้เราเห็นถึง “แนวทาง” การดำเนินชีวิตของผู้ชอบธรรม 3 ประการเพื่อเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้าดังนี้
ดำเนินชีวิตด้วยความยำเกรงพระเจ้า (1)
“ความสุขเป็นของบุคคล ผู้ไม่ดำเนินตามคำแนะนำของคนอธรรม หรือยืนอยู่ในทางของคนบาป หรือนั่งอยู่ในที่นั่งของคนที่ชอบเยาะเย้ย”
1.1. ความหมาย
คำว่า “ยำเกรงพระเจ้า” ความหมายว่า “เกรงด้วยความเคารพนับถือ” นั่นหมายถึงคริสเตียนจะต้องมีท่าทีเกรางกลัวพระเจ้าด้วยความเคารพนับถือในการดำเนินชีวิตประจำวัน ไม่ใช่ท่าทีกลัวถูกลงโทษ ดังนั้น ให้เราดำเนินชีวิตด้วยความยำเกรงพระเจ้า ด้วยความเคารพนับถือ เหมือนลูกที่เคารพบิดามารดาของตน
1.2. ลักษณะคนที่ยำเกรงพระเจ้า
ต่อไปนี้ให้เรามาพิจารณาจากพระวจนะของพระเจ้าในข้อนี้ว่า คนที่มีความยำเกรงพระเจ้านั้นมีลักษณะอย่างไร
1.2.1. ไม่ดำเนินตามคำแนะนำของคนอธรรม สุภาษิตกล่าวว่า
“คบคนพาล พาลไปหาผิด คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล” คนไม่ดี แม้จะมีคำแนะนำ หรือข้อคิดอย่างมากมายก็ตามคำแนะนำนั้นย่อมไม่ดีเช่นกัน จงอย่าดำเนินชีวิตตามคำแนะนำของคนอธรรม
1.2.2. ไม่ยืนในทางของคนบาป อาจหมายถึงอาชีพการงาน
ของความชั่ว หรืออาจเป็นกิจการของความชั่ว ถ้าเรายืนอยู่ในทางของความบาป เราก็จะตกลงในความบาปโดย คนที่ยำเกรงพระเจ้าจะหลีกเลี่ยงที่จะเดินหรือยืนอยู่ในทางของความบาป และคนบาป แต่จะต้องเคารพยำเกรงพระเจ้าด้วยความเคารพนับถือ
1.2.3. ไม่นั่งในที่มีคนชอบเยอะเย้ย หมายถึงการไปมีส่วน
ร่วมกับคนชั่วและกิจการของความชั่ว ผู้ชอบธรรมของพระเจ้า จะต้องดำเนิน ชีวิตด้วยความยำเกรง ด้วยความเคารพนับถือ ฉะนั้นเราจะต้องมีสติสัมปชัญญะเสมอ เพื่อจะมีชีวิตเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า
2. เป็นคนที่ปารถนาพระวจนะของพระเจ้า (2)
“แต่ความปีติยินดีของผู้นั้นอยู่ในพระธรรมของพระเจ้า เขาภาวนาพระธรรมของพระองค์ทั้งกลางวันและกลางคืน”
ผู้ชอบธรรมของพระเจ้าจะต้องดำเนินชีวิตด้วยการเอาใจใส่พระธรรมของพะองค์ สนใจในถ้อยคำตรัสสอนของพระ ความปิติยินดีของผู้ชอบธรรมจะอยู่ในพระธรรมของพระเจ้า
2.1. มีความสุขที่จะอ่านและปฏิบัติตามพระวจนะ
“แต่ความปีติยินดีของผู้นั้นอยู่ในพระธรรมของพระเจ้า” ความชื่นชมยินดีของผู้ชอบธรรมอยู่ในพระธรรมของพระเจ้า ในพระธรรมสดุดีบอกไว้หลายประการถึงความสำคัญของพระวจนะดังนี้
ก. พระวจนะของพระเจ้าเป็นข้อบังคับหรือกฎเกณฑ์ของพระเจ้า สดด. 119’4-5
ข. เป็นพระบัญญัติ สดด. 119.6
ค. เป็นกฎหมายอันชอบธรรม สดด. 119.7
ง. คือพระดำรัสขอพระเจ้า สดด. 119 . 11
จ. เป็นพระโอวาท สดด 119. 14
ฉ. เป็นพระวจนะ สดด. 119. 16
ช. และอื่น ๆ อีกมากมาย
ผู้ชอบธรรมจะมีความปิติยินดีในพระธรรมของพระเจ้า รักที่จะอ่านและปฏิบัติตามอย่างจริงใจ ไม่ใช่ด้วยความฝืนใจ
หญิงคนหนึ่ง เธอรักที่จะอ่านและศึกษาพระคำของพระเจ้า
2.2. เขาภาวนาพระธรรมทั้งกลางวันและกลางคืน
“เขาภาวนาพระธรรมของพระองค์ทั้งกลางวันและกลางคืน”
เมื่อพระวจนะของพระเจ้าเข้าสู่จิตใจของผู้ชอบธรรม พระวจนะนั้นจะเกิดผลในชีวิตของเขา จนทำให้เขาภานาพระธรรมของพระเจ้าตลอดเวลา คำพูดของเขาจะสอดคล้องกับพระวจนะของพระเจ้า เป็นคำพูดที่ให้กำลังใจและหนุนน้ำใจ
อาจารย์ชะโลม เลี่ยมเพชรรัตน์ ได้รับฉายาว่า “พระคัมภีร์เคลื่อนที่”
ผู้ชอบธรรมของพระเจ้า จะต้องดำเนินชีวิตด้วยการเอาใจใส่พระธรรมของพระองค์ แล้วผู้ชอบธรรมของพระเจ้าที่นี่ เป็นเช่นนี้หรือไม่ และแนวทางการดำเนินชีวิตของผู้ชอบธรรมประการสุดท้ายคือ..
3. เป็นคนที่เกิดผลเพื่อพระเจ้า (3)
“เขาเป็นเช่นต้นไม้ที่ปลูกไว้ริมธารน้ำ ซึ่งเกิดผลตามฤดูกาล และใบก็ไม่เหี่ยวแห้ง การทุกอย่างซึ่งเขากระทำก็จำเริญขึ้น”
พระเจ้าทรงอวยพรผู้ชอบธรรมของพระองค์ให้มีชีวิตที่จำเริญขึ้น เติบโตและเกิดผลเพื่อพระองค์ คำว่า “เกิดผล” พจนานุกรมให้ความหมายว่า “ความงอกงาม ความเจริญ กำไร ดอกเบื้ย ประโยชน์ที่ได้รับ สิ่งที่เกิดจากเหตุหรือการกระทำ” คริสเตียนหรือผู้ชอบธรรมจะมีชีวิตเกิดผลอย่างไรบ้าง
3.1. การเจริญเติบโตฝ่ายจิตวิญญาณ
ผู้เขียนพระธรรมสดุดีให้ภาพของผู้ชอบธรรมเป็นเหมือนต้นไม่ที่อยู่ริมธารน้ำ ซึ่งได้รับการหล่อเลี้ยงชีวิตอย่างอุดมสมบูรณ์ พร้อมที่จะเติบโตและเกิดผล ซึ่งเราก็คือต้นไม้นั้น และลำธารนั้นคือพระเจ้าที่ทรงเลี้ยงดู อวยพระพรผู้ชอบธรรมของพระองค์ ให้เจริญเติบโตฝ่ายวิญญาณ
3.2. การเป็นพระพรต่อผู้อื่นอย่างสม่ำเสมอ
ต้นไม้ที่อุดมสมบูรณ์ ย่อมเกิดผลตามฤดูกาล การเกิดผลของต้นไม้นั้น มันมิได้เกิดผลเพื่อตัวของมันเอง แต่มันเกิดผลเพื่อคนอื่น ชีวิตคริสเตียนก็เช่นกัน เป็นชีวิตที่นำพระพรของพระเจ้าไปสู่ผู้อื่น ทั้งที่อยู่ในพระคริสต์และคนที่ไม่เชื่อพระเจ้าด้วย
3.3. การเกิดผลในกิจการงานทุกอย่าง
พระธรรมเฉลยธรรมบัญญัติกล่าวว่า “ถ้าท่านเชื่อฟังพระบัญญัติของพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน ซึ่งข้าพเจ้าบัญชาท่านในวันนี้ และระวังที่จะกระทำตาม พระเจ้าจะทรงกระทำให้ท่านเป็นหัวไม่ใช่เป็นหาง กระทำให้สูงขึ้นทางเดียวมิใช่ให้ต่ำลง” ((28.13)
สรุป
พี่น้องทั้งหลาย อย่าเพียงแต่ให้เราได้ชื่อว่าเป็นคนชอบธรรมของพระเจ้าเฉย ๆ แต่ให้เราดำเนินชีวิตสมกับการเป็นคนชอบธรรมของพระเจ้า สมกับการเสียสละของพระเยซูคริสต์ ที่ทรงยอมตายบนไม้กางเขนเพื่อเรา และให้เรารักษามาตรฐานของความชอบธรรมไว้ จนกว่าพระเยซูคริสต์จะเสด็จมา อาเมน..
แก้ไขล่าสุด (วันอังคารที่ 28 มิถุนายน 2011 เวลา 08:41 น.)